• Bike cafe Hatyai, Thailand
  • + 086 966 9936
  • bikethai@gmail.com

ขึ้นรถไฟ-ปั่นจักรยาน ทางอ้อมกลับบ้าน (1)

วันหยุดวันอาทิตย์อยากนั่งรถไฟจากหาดใหญ่กลับบ้านที่สงขลา นึกขึ้นได้ว่ารถไฟสายนี้เลิกวิ่งมาหลายสิบปีแล้ว แต่วันว่างแบบนี้อยากหาวิธีกลับบ้านแบบใหม่

ออกจากบ้านที่หาดใหญ่ตีห้าครึ่ง ถึงสถานีรถไฟ 5:45 เช้าขนาดนี้ยังมีคนมาทัก พี่อี๊ด ชาวรถถีบ มักเจอกันตอนแกขายล๊อตเตอร์รี่ ไม่เคยเจอตอนแกปั่น แกปั่นในสนามแข่ง แต่เราไม่เคยแข่งรถ ความที่ชีวิตนี้ต้องแข่งอย่างอื่นมาเยอะเลยไม่คิดจะแข่งจักรยาน พี่อี๊ดตอนนี้เลิกแข่งรถ หันมาปั่นเที่ยวคนเดียว “สบายใจกว่า” แกบอก ่ “ไปเที่ยวที่ไหน ทีหลังชวนกันบ้าง” แล้วแบบนี้ถ้าไปกับผมจะกลายเป็นปั่นมากกว่าคนเดียว ไม่รู้แกจะชอบไหม แถวบ้านผมมีป้าอีกคนชื่ออี๊ด และแกก็ชอบปั่นจักรยาน คนเดียว เหมือนกัน

“จักรยานติดต่อห้องสัมภาระค่ะ” เจ้าหน้าที่เคาท์เตอร์ชี้ไปข้างใน แต่เราดันจูงไปอีกทาง หาตู้รถไฟเสียนี่ วันนี้ไม่มีตู้โดยสารแบบที่เคยนั่ง ห้าปีก่อนเคยนำจักรยานขึ้นไปบนตู้แบบ มีที่นั่งโดยสารในตู้เดียวกัน แต่ครั้งนี้ ต้องนำไปเก็บในตู้สัมภาระที่หัวขบวน ตู้แบบเก่าเขาเก็บไปซ่อมหมดแล้ว พนักงานรถบอกว่า จักรยานต้องนำไปเขียนใบสัมภาระที่ห้องสัมภาระสถานีก่อน ถึงจะนำมาที่ขบวน วันนี้เจ้าหน้าที่ใจดี บอกค่อยเขียนบนรถก็ได้

ตู้โดยสารเริ่มที่ตู้สี่ ถัดจากหัวรถจักร และตู้สัมภาระอีก 2 ตู้ ขนวนนี้มีตู้โดยสารเกือบสิบตู้ วิ่งยาวไปประมาณ 600 กิโลจนถึงชุมพร เจ้าหน้าที่รถไฟบอกว่าตู้ที่เคยนั่งส่วนใหญ่เสียหมดแล้ว อนาคตจะมีตู้สัมภาระที่มีที่วางจักรยานแบบมาตรฐานมาด้วย สัดส่วนจักรยานกับสัมภาระครึ่งต่อครึ่ง เป็นข้อกำหนดมาตรฐานไว้แล้ว ค่าระวางจักรยาน 100 บาทต่อระยะทางไม่เกิน 500 กม ถือว่าไม่แพง แต่แนวคิดนี้ไม่เหมาะกับการเดินทางระยะสั้นสักเท่าไร ถ้าโดยสารสักสองสถานี จากชานเมืองเข้ามา แต่ต้องจ่ายค่าจักรยาน 100 บาทคงไม่ไหว แบบนี้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวมากกว่า แต่ไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาจราจร หรือขนส่งมวลชนราคาถูก มีข่าวว่ารถพับขึ้นฟรี แต่ก็ไม่ได้รับความนิยม หยิบภาพเก่าตอนเอาจักรยานขึ้นรถไฟในซานฟรานซิสโก มาเทียบดู ของเขาดูทันสมัย แต่ของเราที่เก็บจักรยาน VIP กว่า

รถไฟวิ่งเกือบชั่วโมงจากหาดใหญ่ไปถึงหารเทา บรรยากาศสมัยเด็กๆบนรถไฟไม่เคยเปลี่ยน พอลงรถก็ปั่นต่อ เป้าหมายวันนี้คือปั่นไปข้ามทะเลสาบ ผ่านปากพะยูน เกาะหมาก เกาะนางคำ ของจังหวัดพัทลุง ข้ามทะเลสาบส่วนที่แคบสุดไปฝั่งจังหวัดสงขลาที่ชะแล้ แวะดูไร่ปอเทืองที่รำแดง แล้วปั่นเรียบทะเลสาบ ผ่านสทิ้งหม้อ ไปให้ถึงเขาเขียวเพื่อข้ามสะพานเกาะยอ ไปยังเมืองสงขลา จากหารเทาไปปากพยูน ทางเรียบๆ มีเนินน้อยๆ นิดๆหน่อยๆ ผ่านฝาละมี ถนนสองเลนไหล่ทางแคบ แต่รถน้อยไม่ถึงสิบกิโล ก็เข้าตัวอำเภอปากพะยูน


ที่ตลาดปากพยูน มีรูปปั้นปลาพะยูน บางคนว่าชื่ออำเภอมาจากชื่อปลา บางคนว่าเพี้ยนมาจากคำว่าปากพูน ที่แปลว่าปากน้ำ ชื่อตำบล หมู่บ้านแถบฝาละมีที่เพิ่งผ่านมา คล้องกับตำนานโบราณ อาจจะเป็นที่ตั้งเมืองพัทลุงครั้งแรกสมัยพระยากุมาร กับพระนางเลือดขาว ยุคเดียวกับสุโขทัย ก่อนย้ายเมืองไปที่สทิงพระ ตลาดขนาดเล็ก มีบ้านไม้เก่าๆหลงเหลืออยู่บ้าง ที่นี้มีมัสยิดกลางประจำจังหวัดพัทลุงตั้งอยู่ แสดงว่าชาวมุสลิมในพัทลุงที่นี่น่าจะเยอะที่สุด


ปากพะยูนกับเกาะหมาก ห่างกันเพียง 200 เมตร สะพานสั้นๆ เชื่อมสองแผ่นดินเข้าด้วยกัน บนราวสะพาน มีนักตกปลามาวางเบ็ดกันเยอะ ทางน้ำไหล เป็นที่ที่มีสัตว์น้ำผ่านมาก ตกปลาติดง่าย ราวร้อยปีที่ผ่านมา เกาะหมากเป็นจุดแวะพักเรือยนต์ จากสงขลา ไปยังพัทลุง นครศรีธรรมราช ฝั่งตะวันตกมองเห็นเกาะสี่ เกาะห้าซึ่งเป็นเกาะที่ทำสัมปทานรังนกที่ดีที่สุดในประเทศ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จฯประทับแรมบนเกาะสี่เกาะห้า เมื่อครั้งเสด็จฯประพาสแหลมมลายู และหัวเมืองปักษ์ใต้ รศ. ๑๐๘ (พ.ศ. 2432) และเสด็จฯมาจับกระจง ที่บ้านเขาชัน

ทุกวันนี้ชาวบ้านทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักบนถนนทางตะวันตกเลียบทะเลสาบมีหมู่บ้านทำประมง เห็นแห อวน ปลาเค็มตากอยู่บนถนน บ้างก็มีเพิงขายกุ้ง ขายปลา

จากเกาะหมาก ข้ามสะพานสั้นๆไม่ถึง 100 เมตร เรียกว่าคลองปากเหล็กไปยังเกาะนางคำ ที่อยู่ฝั่งตะวันออก ถนนบนนี้เริ่มไม่ร่มรื่น มีสวนปาล์ม กับนากุ้งเยอะ ผ่านร้านกาแฟชื่อแปลก “ซายังกู” กำลังหิวเลย แวะทานก๋วยเตี๋ยวผัดกับน้ำมะพร้าวปั่นกิน เจอร้านอาหารนี้เหมือนเจอโอเอซิสกลางทะเลทราย พื้นที่ป่าพรุต้นเสม็ดบนเกาะนางคำถูกนายทุน คนมีสี มีปืนเข้าครอบครองทำสวนปาล์มมากมาย ช่วงก่อนข้ามคลองไปยังฝั่งสงขลา มีรถบรรทุกไม้เสม็ด โกงกาง วิ่งแซงไปหลายคัน เสียงคำรามของเครื่องยนต์สร้างบรรยากาศไม่เป็นมิตรกับคนต่างถิ่นมากนัก

บันทึกการเดินทาง ตอนผ่านมาใหม่ๆ อ่านไม่สนุกเท่ากับตอนผ่านไปหลายๆปี ทริปจักรยานวันเดียว ระยะไม่ใกล้ไม่ไกล นำมาเล่าสู่กันฟัง คนอื่นที่สนใจจะลองทำตามดู การเดินทางผ่านที่ที่ไม่คุ้น หรือคุ้นอยู่แล้ว ตอนปั่นคนเดียว ความคิดเตลิดไปตามสิ่งที่เห็นได้มาก เพราะไม่มีใครคุยด้วย แต่ในความคิด อาจเปิดมุมมองใหม่ให้หลายๆคน ยังมีตอนสองให้ติดตามนะครับ

-->