• Bike cafe Hatyai, Thailand
  • + 086 966 9936
  • bikethai@gmail.com

ลงรถไฟ ปั่นจักรยาน กลับบ้านทางอ้อม(2)

หลายคนไม่ได้มีจักรยานไว้เพื่อแข่งขัน หรือออกกำลังกาย แต่มีไว้เป็นเพื่อนเดินทาง การเดินทางออกสู่โลกกว้าง ได้รู้ เห็น เปิดประตูหน้าต่างให้จิตใจ บันทึกน้อยๆนี้ อาจสร้างแรงใจให้หลายคน จูงจักรยานออกมาจากบ้าน แม้สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่แสวงหา แต่อาจช่วยบอกให้รู้ว่า แท้จริงแล้วเราควรแสวงหาสิ่งใด

เกาะนางคำอยู่ในเขตพัทลุง เมื่อข้ามสะพานที่ยาวเกือบกิโล ก็ถึง ชะแล้ อยู่ในเขตจังหวัดสงขลา ช่วงเที่ยง อากาศร้อน และลมเริ่มแรง ลงสะพานจะเห็นสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลน มีทางเดินชมธรรมชาติ เห็นแล้วอยากเข้าไปนอนเต็มที่ แต่ฝืนปั่นเลยไปจนถึงวัดโบราณขึ้นชื่อ วัดชะแล้ อายุเกือบห้าร้อยปี ในวัดมีพิพิธภัณฑ์แสดงโบราณวัตถุ บ่อน้ำโบราณ และเจดีย์บนเขา พื้นที่แถบนี้อยู่ในอาณาเขตเมืองโบราณสทิงพระ อายุราวหนึ่งพันปีก่อน ดินแดนคาบสมุทรที่พุทธศาสนารุ่งเรืองมาก มีวัดโบราณตั้งอยู่เต็มไปหมด แต่วันนี้ไม่สนใจอะไร เจดีย์ในวัดก็เคยปีนไปดูแล้ว สนใจแต่ลานปูนใต้ต้นมะขาม เพราะอยากงีบ

ลมที่พัดแรง ก่อนจะงีบหลับได้ยินเสียงมะขามล่วงตกลงบนพื้นตลอด หลับตาภาวนา ขออย่าให้อะไรตกลงมาบนตัวเลย แล้วก็หลับไปงีบหนึ่ง ตื่นมาอย่างปลอดภัย เข้าใจว่าการหลับ หลับสนิทหรือไม่จะแปรผกผันกับราคาจักรยานที่ปั่นมา วันนี้รู้สึกหลับสนิทพอสมควรแสดงว่ารถเรายังแพงไม่พอ ตื่นมาได้ล้างหน้าล้างตา จากชะแล้ ปั่นไปดูทุ่งปอเทือง ที่ตำบลรำแดง ปั่นมาหกกิโล เจอเส้นผ่านกลางทุ่งนาเข้า สวย สงบ แต่ไม่โรแมนติกเพราะมาเดี่ยว

ตื่นมาได้ล้างหน้าล้างตา จากชะแล้ ปั่นไปดูทุ่งปอเทือง ที่ตำบลรำแดง ปั่นมาหกกิโล เจอเส้นผ่านกลางทุ่งนาเข้า สวย สงบ แต่ไม่โรแมนติกเพราะมาเดี่ยว เพื่อนนำทางอย่างกูเกิ้ลแมพพาไปทางแปลกๆ คนน้อยๆ ดี แต่ร้อนชิพ (พูจาไม่สุภาพ) ช่วงหน้าแล้งชาวนาปลูกปอในนาข้าว ดอกปอเทืองสีเหลืองทำให้ทุ่งนาดูสดใส เรียกนักท่องเที่ยวได้พอสมควร จริงแล้วเขาปลูกปอเทืองเพื่อทำเป็นปุ๋ยพืชสด จะไถกลบเมื่อต้นโต พร้อมทำนาปี ตามแนวพระราชดำริ เดือนสิงหาไม่มีน้ำ เป็นช่วงเวลาที่ปอเทืองออกดอกบานไปจนสิ้นเดือน จากเส้นทางปั่นที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็ได้มีที่แวะถ่ายรูป เติมสีสันให้เส้นทางบ้าง

ร้อนแบบนี้ มาถึงที่นี้ ดินแดนที่ชื่อว่า โหนด นา เล อันหมายถึงต้นตาลโตนด นาข้าว ทะเลสาบ อยากทานน้ำตาลสดแช่เย็น ปกติมีเพิงน้ำตาลให้เห็นเป็นระยะ แต่ทำไมวันนี้ไม่มีให้เห็นเลย ต้องทานสปอนเซอร์ กับน้ำดื่มสิงห์แทน


หากปั่นเลียบใกล้ทะเลสาบ น่าจะร่นระยะทางมากกว่าออกไปถนนใหญ่สายหลัก ที่ทั้งร้อน ฝุ่นและรถเยอะ เลยมุ่งมาวัดป่าขาด วัดนี้มีชื่อเสียงที่เหรียญพ่อท่านคงเกจิอาจารย์ที่โด่งดังสำหรับนักเลงพระ ส่วนตัวเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยรู้เลยไม่สนใจ เคยเจอภาพถ่ายโบราณเป็นพระนอนที่วัดนี้ แวันนี้ไม่มีให้เห็น เหลือแต่ซากประตูวิหาร วัดตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ลมตะวันตกยังพัดแรง หน้าฝนมรสุมก็น่ากลัวมาก ศาลาริมทะเลสาบเงียบ สงบน่านอนมากแม้จะได้ยินเสียงลมเขย่าหลังคาสังกะสีตึงตัง ขอทดสอบจิตด้วยการงีบเป็นครั้งที่สอง สบายไป


ถามเส้นทางกลับสงขลาจากกูเกิ้ล แต่พาออกไปเส้นถนนใหญ่ เลยต้องมาร์กจุดย่อยๆระหว่างทาง เพื่อตัดตอนเส้นทางให้สั้นลง จากตำแหน่งที่อยู่ ไปยังวัดธรรมโฆษณ์ ต่อไปเขาเขียว ปรากฏว่าได้ผล คราวนี้พาเข้าหมู่บ้าน การเลือกเป้ามุ่งไปวัดก็ดีไปอย่าง ได้งีบ ได้เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา วัดธรรมโฆษณ์ เป็นเป้าหมายใหม่ จริงแล้ววัดนี้เป็นวัดที่พ่อท่านคงเป็นเจ้าอาวาส จำพรรษา และบูรณะจนรุ่งเรือง

สทิ้งหม้อ เป็นแหล่งเครื่องปั้นดินเผาของสงขลา มีคลองสทิงหม้อที่ไหลตั้งแต่รำแดงมาลงทะเลสาบที่นี่ สทิง หรือสทึง แปลว่าคลองหรือแม่น้ำ ดินเหนียวแถบปากรอที่อยู่ไม่ไกล หรือดินเหนียวขาวจากเกาะนางคำถูกนำมาใช้ ผสมกับทรายละเอียดจากหาดทรายแก้ว เพื่อทำเครื่องปั้นดินเผา เตาเผาที่เรียกว่าเตาปะโอ ระหว่างผ่านวัดบ่อปาบเห็นเส้นศึกษาป่าชายเลน แต่ไม่เห็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาเลย

ช่วงท้ายๆบริเวณเขาเขียว ก่อนถึงสะพานข้ามไปเกาะยอจะเริ่มเป็นชุมชนมุสลิม ตอนนี้เริ่มเล็งไปที่ยอดภูเขา แทนกูเกิ้ลแมพ หลายคนกลัวที่จะปั่นเข้ามาแถบนี้ ความกลัวมักเกิดเพราะความรู้แต่สิ่งที่รู้อาจไม่จริงทำให้มโนไปไกล จากวัดป่าขาด เจาะหาทางมาเรื่อยๆ ถึงทางขึ้นสะพานข้ามเกาะยอ ถัดนี้ไปปั่นมาครั้งที่ร้อยแล้ว หาทางลัดกว่านี้ไม่เจอแล้ว เจอแต่ป้ายร้านกาแฟ อาการขาดคาเฟอีนทำให้หัวจักรยานหักเข้าหาป้ายแบบไม่คิดมาก Coffee Lake ร้านเล็กๆ น่านั่ง แทรกตัวในร้านขายต้นไม้ บ่ายแก่ๆ แดดร่มลมตก แม้กาแฟไม่อร่อย แต่ช่างเถอะ ขอให้มีคาเฟอีนข้างใน นั่งเล่นเพลินๆ รอคาเฟอีนไปกระตุ้นพลังงานในร่างกาย แม้รถไฟจะพาออกห่างจากบ้านไปเสียไกล แต่จักรยานก็พากลับมา อีกสะพานเดียวก็ถึงบ้านละครับ

ทริปปั่นรอบทะเลสาบขนาดย่อมๆ วันเดียวจบ ใครๆก็ทำได้สบายๆ ออกจากเกาะยอถ้าชอบประชาธิปไตยก็เลี้ยวขวากลับหาดใหญ่ หัวเอียงซ้ายก็ไปสงขลา สองเมืองนี้ต่างกันพอสมควร นึกถึงทุนนิยมกับสังคมนิยมยังไงไมรู้ ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนสงขลามากกว่า ทำธุรกิจเลยมีแต่ขาดทุน รถไฟให้ประสบการณ์ ได้สัมผัสการเดินทางในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม รถไฟพาเราไปไกลกว่าระยะที่เราต้องปั่นทั้งไปและกลับเป็นสองเท่า ลดเส้นทางที่จำเจออกไป เพิ่มสิ่งใหม่เข้ามา หาดใหญ่มีรถไฟวิ่งออกไปสามทิศ หากใช้จักรยานร่วมกับรถไฟ ก็จะมีทางเลือกในการปั่นจักรยานเพิ่มมาอีกเยอะ ไว้คราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังกันใหม่นะครับ ใครคิดอย่างไรแนะนำกันได้ ขอบคุณคนที่อ่านมาจนจบครับ

-->